ไปป์ แบบมีกรอง กับ ไปป์ แบบไม่มีกรอง เลือกแบบใหนดี ?
—————–
ปัญหาโลกแตก สำหรับนักสูบไปป์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสูบมือใหม่ ว่าควรจะเลือก ไปป์ แบบมีกรอง หรือ ไปป์ แบบไม่มีกรอง ?
แล้วทั้ง 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร
—————–
งั้นเรามารู้จักกับ หน้าที่ และชนิดของตัวกรองไปป์ กันก่อน
ตัวกรองไปป์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ขจัดปัญหาต่างๆขณะสูบ หน้าที่หลักๆเลยก็ คือ ช่วยกรองไอน้ำที่มากับควัน ลดความชื้น ชะรอความเร็วของควัน ลดไอความร้อน กรองสารทาร์ และนิโครติน
แล้วกรองเพื่ออะไร ?
1. เมื่อจุดไปป์ ความร้อนจะเกิดขึ้น ด้วยตัวยาเส้นที่มีความชื้น เมื่อเราสูบไปป์ ควันจะพาไอน้ำความร้อนมาด้วย และทำให้ควันลวกลิ้น ลวกเพดานปาก ทำให้แสบปาก
2. ช่วยให้ควันนุ่ม หลังจากกรองน้ำไปแล้วในขั้นต้น ตัวกรองไปป์ ยังช่วยชะลอความเร็วของควันที่จะเข้ามาปะทะกับลิ้น นั่นแปลว่า จะทำให้ควันนุ่มยิ่งขึ้น สูบสบาย นั่นเอง
3. สำหรับนักสูบที่กังวลเรื่องสุขภาพ ตัวกรองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะสามารถ กรองสาร ทาร์ และนิโครติดได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่า อย่างไรก็ตาม ไปป์ ไม่นิยมสูดลงปอด ฉะนั่นแล้วเรื่องสุขภาพ สำหรับคนสูบไปป์ จะไม่ค่อยเป็นเรื่องน่ากังวล
ชนิดของตัวกรอง ก็จะมีหลักๆ คือ
1. กรอง 9 มิล ( ถ่านละเอียด )
2. กรอง 6 มิล ( ไม้เนื้ออ่อน , เส้นใยสังเคราะห์ )
3. กรอง 3 มิล ( เหล็ก , กระดาษ )
ในบรรดากรองทั้งหมดที่กล่าวมา กรองเหล็ก จะไม่ได้ช่วย กรองไอน้ำ และความชื้น แต่จะช่วยแค่ ชะรอความเร็วของควันเท่านั้น และยังมีกรองแบบอื่นๆ แต่หลักๆที่มีวางขายทั่วไปก็คือ กรอง 3 ชนิดนี้
————————————-
แล้ว ไปป์ แบบที่ไม่มีกรองละ ?
อย่าพึ่งถอดใจไปครับ สำหรับนักสูบมือใหม่ เพราะว่า ไปป์แบบที่ไม่มีกรองเองก็มีข้อดี โดยเฉพาะนักสูบ ที่สูบไปป์มานาน ก็จะนิยมใช้ไปป์แบบไม่มีกรอง
นั่นเพราะ ไปป์แบบที่ไม่มีกรอง จะให้รสชาติยา และกลิ่น ได้อย่างเต็มที่ เต้มกลิ่น เต็มรสชาติ และไม่เสียรสชาติจากตัวกรอง ดึงควันง่าย ไม่ต้องใช้แรงเยอะ นั่นเอง
โดยส่วนใหญ่แล้ว นักสูบมือใหม่ จะเริ่มจากไปป์ที่มีกรอง พอเริ่มชำนาญ ก็จะเลือกไปป์ แบบที่ไม่มีกรอง